วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แผนที่ ร้านดาดาแบตเตอรี่

https://www.google.co.th/maps/place/Dada_battery

การต่อพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่น จำเป็นต้องเรียนรู้การต่อพ่วงอย่างถูกวิธี

การต่อพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่น จำเป็นต้องเรียนรู้การต่อพ่วงอย่างถูกวิธีดังนี้

1. ดูประเภทรถที่เหมาะสมกัน ให้ดูจากขนาดแบตเตอรี่เป็นหลัก คือรถที่จะนำมาต่อพ่วงต้องมีขนาดเท่ากันหรือใกล้เคียงกันหรือใหญ่กว่ารถที่ไฟหมด ยกตัวอย่างเช่น ถ้ารถที่ไฟหมดเป็นรถ กระบะคันใหญ่จะนำรถเก๋งขนาดเล็กมาต่อพ่วงไม่ได้ เพราะจะสตาร์ทเครื่องไม่ติด เนื่องจากขนาดของไดสตาร์ทของรถกระบะมีขนาดใหญ่ต้องการกำลังไฟมากกว่านั้นเอง

2. สายที่นามาใช้ต่อพ่วงต้องมีขนาดใหญ่พอสมควรและไม่ยาวจนเกินไป จานวน 2 เส้น
เพื่อที่จะสามารถนาพาประจุไฟฟ้ามาใช้ในการสตาร์ทได้อย่างเต็มที่ เราจะสังเกตได้จากอุณหภูมิที่ตัวสายพ่วง ขณะสตาร์ทจะร้อนมาก ถ้าใช้สายเส้นเล็กอาจจะทาให้สตาร์ทไม่ติดและสายไฟอาจจะละลายขาดได้เลยทีเดียว ควรมีสีที่แตกต่างกัน สีละเส้นเพื่ อป้ องการต่อสลับขั้ว ที่นิยมใช้คือ แดง (+) ดา (-)
3. นารถมาจอดคู่กัน ให้ด้านที่มีแบตเตอรี่หันเข้าหากัน เพื่อสะดวกในการต่อพ่วง และ
ควรจอดในลักษณะที่ปลอดภัย แต่อย่าให้รถสัมผัสกัน เพราะรถบางคัน บางยี่ห้อต่อไฟลงกราวน์ไม่ เหมือนกัน บางคันต่อกับขั้วบวก บางคันก็ต่อกับขั้วลบ ถ้าจอดรถให้สัมผัสกัน ไฟเกิดช๊อตขึ้นมา ทาให้ แบตเตอรี่เสื่อมได
ขั้นตอนการพ่วงสายแบตเตอรี่ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ปิดสวิตซ์กุญแจและอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของรถคันที่ แบตเตอรี่ไม่มีไฟ
2. ใช้สายพ่วงสีแดงสายบวก (+) นำหัวต่อสายกับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ ที่ไม่มีไฟ หัวสายที่เหลือต่อเข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ที่มีไฟ
3. ใช้สายพ่วงสีดา สายลบ (-) นำหัวสายต่อกับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่ที่มีไฟ หัวสายที่ เหลือต่อ เข้ากับส่วนที่เป็นโลหะของเครื่องยนต์ หรือตัวถังรถคันที่ แบตเตอรี่มีไฟน้อย โดยห่างจากแบตเตอรี่ มากที่สุด
4. สตาร์ทเครื่องยนต์ที่แบตเตอรี่มีไฟแล้วเร่งเครื่องเล็กน้อย
5. สตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่ไฟหมด ถ้ามอเตอร์สตาร์ทยัง หมุนช้า ตรวจเช็คสายพ่วงดูว่าคีบแน่นหรือไม่ จากนั้นเร่งเครื่องประมาณ 2,000 รอบ/นาที จนแน่ใจว่าเครื่องยนต์ไม่ดับจึงปล่อยคันเร่ง
6. เมื่อสตาร์ทรถยนต์คันที่ไฟหมด ติดแล้ว จึงค่อยถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ทวนตามลาดับที่กล่าวมาข้างต้น
6.1 ถอดสายลบ (-) โดยถอดหัวสายออกจากตัวถังรถ แบตเตอรี่ไฟน้อย
6.2 ถอดหัวสายลบที่เหลือจากขั้วลบของแบตเตอรี่ไฟดี
6.3 ถอดสายบวก(+) โดยถอดหัวสายออกจากขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ไฟดี
6.4 ถอดหัวสาย (+) ที่เหลือออกจากขั้วบวก (+) รถแบตเตอรี่ไฟน้อย
ตามลาดับ
ควรปฏิบัติตามขั้นตอนทั้ง 6 ข้อตามลาดับ เมื่อรถสตาร์ทติดแล้วควรรีบนำรถคู่ใจของ เข้าตรวจเช็คทันที เพื่อเช็คสภาพ หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ต่อไป
ข้อควรระวังก่อนการพ่วงแบตเตอรี่
1. ระวังอย่าพ่วงแบตเตอรี่กลับขั้ว อาจทำให้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ หรือแม้กระทั่ง ECU เสียหายได้ และถ้าเกิดประกายไฟสปาคร์ อาจทาให้เกิดระเบิดได้

2. ควรเอาผ้าปิดบริเวณที่เติมน้ากลั่นไว้ ป้องกันไอของก๊าซไฮโดรเจนระเหยไปโดนประกายไฟ 

รู้ไว้ใช่ว่า...เรื่องแบตเตอรี่รถยนต์

รู้ไว้ใช่ว่า...
การชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์นั้นต้องให้ความสำคัญไม่แพ้พอๆกับการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เช่นกันครับแน่นอนว่าแบตเตอรี่จะทนหรือไม่ทนปัจจุบันหนึ่งมันขึ้นอยู่กับร้านผู้ขายแบตรถยนต์เองด้วยเนื่องจากหากไม่รอบคอบหรือละเอียดในการใส่ใจในสินค้าที่จำหน่ายก็จะมีสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพส่งออกไปถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน แบตเตอรี่รถยนต์ที่ดีนั้นจะต้องที่สโลว์ชาร์ตที่กระแสไฟฟ้าต่ำๆและมีการชาร์ตในน้ำเพื่อเป็นการหล่อเย็นด้วยไม่ให้อุณหภูมิของแบตเตอรี่สูงมากนัก จึงจะดีกว่า ในการชาร์ตทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้มาตรฐานสูงสุดทุกลูกในแบตเตอรี่กระกั่วกรดทุกลูกครับ
รถยนต์แต่ละประเภทใช้งานแตกต่างกันควรใช้แบตเตอรี่แบบไหนกันแน่
1. หากคุณเป็นคนที่ชอบทิ้งรถไว้แล้วบินไปต่างประเทศบ่อยๆ(1เดือนสตาร์ทหน)แนะนำให้เลือกใช้แบตเตอรี่ประเภทแห้งครับเหตุผลเพราะในแบตเตอรี่แห้งจะมีค่า CCA ที่สูงกว่าในปริมาณแบตเตอรี่ชนิดน้ำที่ปริมาณกระแสแอมป์เท่ากันอย่างเช่นแบตเตอรี่45แอมป์แบบน้ำจะมีค่าCCA ที่320 ในขณะที่แบตแห้ง45แอมป์จะมีค่า CCAที่450 ตามนี้ครับจึงสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าและอยู่ได้อึดทนนานกว่าครับ
2. หากคุณใช้งานแบบเชิงพาณิชย์(วิ่งทุกวันวันละเป็นร้อยกิโล) แนะนำแบตเตอรี่น้ำครับเนื่องจากตะกั่วพลวงในแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่นนั้นมีความทนทานแต่กินน้ำกลั่นไปหน่อยนั้นจึงเป็นเหตุที่ต้องมีรูระบายไอความร้อนเพราะแบตเตอรี่แห้งไม่มีรูระบายไอความร้อนที่เหมือนแบตนน้ำเวลาวิ่งนานๆจะเกิดความร้อนสะสมแบตแห้งจะบวมง่ายมากครับแต่แบตน้ำเมื่อวิ่งนานๆจะระบายความร้อนได้ดีแต่ต้องแลกกับการคอยเช็คระดับน้ำกลั่นที่บ่อยกว่าแต่มันก็ถูกแบบมาเพื่อใช้งานเชิงพาณฺชย์อย่างแท้จริงครับและราคาถูกด้วย
3. หากคุณใช้งานรถยนต์แบบที่ทั่วไป(สตาร์จเช้าไปทำงานเย็นกลับบ้านวิ่งแค่วันละไม่เกิน3-4ชั่วโมง)แบบนี้จะมีบ่อยมากครับใช้ได้ทั้ง2แบตทั้งน้ำและแห้งขึ้นอยู่กับผู้ใช้หากชอบดูแลรถเองอยู่แล้วก็จะนิยมแบตน้ำกันครับราคาถูกกว่าดีด้วยแต่หากยุ่งๆไม่ค่อยว่างดูแลรถยนต์ใช้แบบแห้งก็ได้ครับสะดวกสบายดีแต่จะยังไงก็ตามแต่คนเรามักจะลืมเปิดไฟทิ้งไว้ในรถแน่นอนจะทำให้แบตหมดและอายุสั้นลงด้วยทางที่ดีควรตรวจเช็คให้เรียบร้อยก่อนออกจากรถนะครับ
 การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์


 ในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่นั้น ไม่ควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ รถยนต์โดยไปลดขนาดของแอมป์ลงโดยเด็ดขาด แต่สามารถเลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้นได้ โดยประมาณ 10-30 แอมป์ ถ้าหากว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์ เพิ่มเติมขึ้นมา เช่น ติดตั้งพวกระบบเครื่องเสียง ต่างๆ หรือ ติดตั้งพวกอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ